บันทึกแรมทอง
ทริปโต้คลื่น ณ หาดบ้านกรูด จ. ประจวบคีรีขันธ์
 วันหยุดยาวของใครๆ แต่เราได้หยุดช่วงสั้นๆ การสถานที่เที่ยวแบบกระทันหัน(อีกแล้ว)เป็นเรื่องที่ง่ายจริงๆ แต่มันก็ไม่ยากเกินไปนะ ถ้าใจมันอยากจะออกเดิน

"บ้านกรูด" ชื่อที่ค้นหุกันประมาณ 10 ปีมาแล้วตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย แต่ไม่ใช้ในสถานะ ที่คุ้นเพราะมีช่วงหนึ่งที่พี่สาวพุดถึงอยุ่บ่อยๆ เค้าได้ไปบ้านกรุดกับพวกกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอะไรสักอย่าง แล้วก้ไม่กลับมาเล่าให้ฟังนะ หลังจากนั้นมาอีกหลายปีบ้านกรูดก็กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในประจวบคีรีขันธ์ อยุ่ก่อนถึงบ้านบางสะพานเล็กน้อยประมาณ 15-20 นาที และการเดินทางครั้งนี้ ชายหาดบ้านกรูดคือที่หมายของเรา
 พอพลาดจากเป้าหมายแรกคือเกาะทะลุ เพราะช่วงที่จะไป เป็นช่วงวันหยุดวันจักรี ชาว้านเค้าได้หยุดติดต่อกัน 3 วัน 6-8 เมษายน ที่พักก็เลยมีคนจองเต็ม พวกที่รู้สึกช้า และหยุดน้อย แต่จะไปจริงๆอย่างพวกเราและต้องหาเป้าหมายใหม่ในทันทีและบ้านกรูดก้เป็นที่หนึ่งซึ่งแล่นเข้ามาในหัว เพราะมีการพักหลายแห่ง และมีทริปท่องเที่ยวทางเรือที่พาไปทางเกาะทะลุและดน้ำดู ประการังตื่นรอบๆเกาะด้วย เราจึงเปลี่ยนเป้ามาเป็นหาดบ้านกรูดแทน และค่อยลงเรือไปเที่ยวเกาะทะลุกัน
หาข้อมูลการเดินทางที่พักเรียบร้อย ก็ตามเช็คที่พักแต่ละที่ที่สนใจ แต่มันก็ไม่ง่ายอย่างที่คิด เต็มแทบทุกที่เหมือนกัน สุดท้ายก้ต้องอาศัยดวงเล็กน้อยได้บ้านพักที่วางเพราะลูกค้าที่จองเค้ายกเลิก ว่างแค่ห้องเดียวก้พอดี ที่บานีโต้ บีช รีสอร์ท เป็นบ้านลูกสีกวาดหวานแหววทีเดียว น่าเสียดายอย่างหนึ่งคือบ้านที่เราจองได้เป็นแบบชั้นล่างทั้งชั้น มีห้อง ห้องนั่งเล่น ซึ่งกว้างขวางเหมาะแก่การไปกันเป็นแก๊งค์ อย่างน้อยสัก 4เต็มก็ได้ถึง6แต่เราไปกันแค่2คนด้วยความคิดที่ตกลงกันไม่ได้สักทีว่าวันหยุดนี้จะไปเที่ยวไหนจนแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป ก็ใครเค้าจะรอไหวล่ะ กว่าจะรู้สึกตัวว่าจะไปเที่ยวแน่ๆ ก็วันพฤหัสฯ กว่าจะเช็คเรื่องที่พักได้ก้วันศุกร์ แล้วรุ่งขึ้นจะต้องเดินทาง แต่ทุกอย่างก้ดุเหมือนจะราบรื่นดีนะยกเว้นตอนจบน่ะ
เราออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เช้าวันเสาร์ที่ 7 เมษายน ด้วยพาหะนะคันใหญ่ แอร์เย็นฉ่ำ พร้อมเพื่อนร่วมทาง 30 ชีวิต "รถ ปอ. กรุงเทพ -บางสะพาน" เที่ยวแรกก็ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ 7.30 น. ลงที่แตกบ้านกรูดค่ารถคนละ 275 บาทใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมงเรียกว่านั่งกันจนเมื่อยได้ที่เหมือนกัน ระหว่างทางมีแวะให้ลงไปกินข้าว กินน้ำ และเข้าห้องน้ำก้นที่ร้ายมีแวว เพชรบุรี ประมาณ 15 นาที จากนั้นก็ตีรถยาวไปประจวบฯเลย
   เราถึงแยกบ้านกรูดประมาณเกือบบ่ายโมงครึ่ง ต่อเมล์เครื่อง (รถเครื่องหรือมอเตอร์ไซด์รับจ้างนั้นแหละ แต่ได้ยินคนพื้นที่เค้าใช้คำนี้ ฟังดูเก๋ดีเลยเอามาใช้มั้ง) บอกเค้าว่าไปรีสอท์ต บานีโต้ ค่ารถคนละ 80 บาท แต่ก้ซ้อนรถไปคันเดียวกันนั้นและระยะทาง 9 กิโลเมตรจากปากทาง เข้าไปถึงรีสอท์ต ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีได้ถึงหน้าออฟฟิต Reception เลยและก็คงจะมีแต่เรามั้งที่เข้าพักวันนี้ คนอื่นเค้าคงมากันตั้งแต่เมื่อวานซึ่งเป็นวันหยุดวันจักรี เพราะผู้จัดการทักทายเราอย่างถูกต้อง หรือเพราะเราเพิ่งโทรเข้ามาถามเรื่องการต่อรถเข้าไปที่รีสอร์ทก็ไม่รู้นะ
  กรอกเอกสารและจ่ายตังค์ส่วนที่เหลือ พร้อมรับคูปองอาหารมื้อเย็นวันนี้ และมื้อเช้าของวันพรุ่งนี้เรียบร้อย พนักงานก็พา เราไปที่บ้านพักหลัง6เป็นบ้านสีเหลืองอ่อน ข้างบ้านมีต้นคูณกำลังออกดอกเหลืองสะพรั่งไปทั้งต้น และมีอีกหลายๆต้นอยู่โดยรอบรีสอร์ทแห่งนี้ ทำให้บรรยากาศกดใสยิ่งขึ้นไปอีก นอกจากบ้านสีลุกกวาดหลากสีที่เรียงรายกันอยุ่ มีพลังงานต้อนรับหน้าตาแปลกๆ วิ่งลงรถแถวหน้าบ้านไปแว๊บๆ มองไม่ทันว่าตัวอะไรแน่ แต่ไม่ใช้กิ้งก้า หรือว่าตุ๊กแกแน่นอนตัวอะไรหว่า?
อากาศข้างนอกในยามบ่ายแบบนี้ร้อนเอาเรื่องอยู่ ถึงฟ้าจะครื้มฝนก็เถอะ เรานั่งตากแอร์อยู่ในบ้านพักหนึ่ง แล้วก็ยิ่งนึกเสียดายที่เพื่อนพ้องน้องพี่ไม่ได้มาด้วยกัน ก้มันกว้างเกินไปสำหรับสองคนน่ะ เอาไว้วิ่งเล่นไล่จับกันแล้วถ้ามีครั้งหน้าค่อยชวนสมาชิกชาวแก๊งค์มาด้วย พักกันหายเหนื่อยแล้วความหัวก็มาแทน ออกไปหาข้าวกลางวันกินกันดีกว่า
   ร้านอาหารของรีสอร์ทเงียบมากๆก็บ่าย2โมงแล้วนี้นาคนอื่นๆเค้าคงกินกันเรียบร้อยไปนานแล้ว เลือกอาหารจานเดียวจากเมนูได้คนละอย่าง สปาเก๊ตตี้ผัดขี้เมาทะเล กับข้าวผัดกระเพากุ้ง จัดการอาหารกลางวันเรียบร้อย แดดมันก็ร้อนเหลือหลายถ่ายรูปไม่ก็รูปก็กลับไปตากแอร์ต่อดีกว่า แดดล่มลมตกหน่อยค่อยออกดมาเดินเล่นกัน
  ห้าโมงเย็น ได้เวลาเดินออกมาชมหาดบ้านกรูดกัน ถึงวันนนี้สีฟ้าจะไม่สดใส ทรายนี้ก็ไม่ขาวเท่าไร แต่คลื่นลูกเล็กใหญ่ที่ซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา ก้ส่งเสียงทักทายไม่หยุดพร้อมๆ กับร่มเย็นสบายที่ไม่เหนียวตัว และผู้คนกระจายกันห่างๆไม่พลุกพล่านวุ่นวาย ทำให้ชายหาดบ้านกรูดเป้นอีกสถานที่ท่องเที่ยวเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนสบายๆ อีกแห่งหนึ่งจากชายหาด เราจะมองเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ หันพระพักตร์ออกทะเล อยู่บนเขาธงชัย คือ พระพุทธกิตติสิริชัย ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของชาวบ้านกรูดและชาวประจวบฯ โดยเฉพาะชาวเรือชาวประมงที่ออกเรือ นอกจากพระพุทธกิตติสิริชัยแล้วบนเขาธงชัยก็ยังมีพระมหาธาตุเจดีย์ักดีประกาศ และศาลเสร็จกรมหลวงชุมพรเขตอดมศักดิ์ด้วย เสียดายที่เราไม่ได้ขึ้นไปสักการะถึงบนเขาได้แต่พนมมือไหว้จากชายหาดเท่านั้น
  เดินเล่นได้ประมาณชั่วโมง ก็เริ่มหิวกันแล้ว กลับไปกินข้าวที่รีสอร์ทดีกว่า เมื่อเย็นนี้เป็นอาหารชุดสำหรับสองคน ที่รวมมากับค่าห้องพักอยุ่แล้วสำหรับวันหยุดยาว ในชุดก็จะมีกับข้าว 4 อย่างข้าวหนึ่งโถ พร้อมน้ำและแข็งเรียบร้อย ก้นับว่าสะดวกดีและก้คุ้มด้วย สำหรับช่วงวันหยุดยาวที่มีลุกค้าเข้าพักเยอะๆ คุ้นทั้งสำหรับเจ้าของและลุกค้านะ
 จัดการอาหารเย็นเรียบร้อย(ด้วยความยากลำบาก กว่าจะกินหมด)เข้าไปพึ่งพุงที่บ้านได้สักพัก แต่มันก็ยังหัวค่ำเกินไปที่จะนอนนะ เราก็เลยเดินไปหาที่นั่งกินลม ชมวิวิ หาอะไรเย็นๆจิบที่ร้าน The Beach ริมหาด อยุ่เลยรีสอร์ทไปนิดนึ่ง ในร้านมีคนพอสมควร มีวงดนตรีแบบกันเองเล่นเพลงเพราะๆให้ฟังด้วย นั่งคุยกันอยุ่พักใหญ่ สมควรแก่เวลาก็กลับไปอาบน้ำนอนกันดีกว่า วันนี้พักผ่อนไม่ต้องนอนดึก แต่ควรจะตื่นเช้าไปเก็บาพบรรยากาศพระอาทิตย์ขึ้นสะหน่อย
ความตั้งใจเดิมของดปรแกรมวันรุ่งขึ้นคืออยากจะไปดำน้ำที่เกาะทะลุกัน แต่เห็นสภาพอากาศของวันนี้แล้ว คาดว่าคงจะผิดหวังแน่ๆ กับการดำน้ำ เพราะดลื่นลมค่อมข้างแรงและแสงก้ไม่ดีด้วย เราก็เลยพับโปรแกรมดำน้ำเก็บใส่กระเป๋ากลับบ้าน เอาไว้โอกาสหน้าที่ฟ้า คลื่นและลมเป้นใจกว่านี้ดีกว่านะ แล้วค่อยเจอกัน...เกาะทะลุ
  พอล่มโปรแกรมดำน้ำเกาะทะลุ เช้านี้เราก็เลยว่างพระทิตย์ขึ้นก็ไม่ได้เห็น เพราะอากาสครื้มมากและมีเมฆตอนเช้า กว่าจะได้เห้นพระอาทิตย์ก็สายแล้วหลังจากอาหารเช้าแล้ว ก็เลยเดินเล่น ถ่ายรุปรอบๆรีสอร์ทไปเรื่อยๆ แล้วไปได้คำตอบที่พนักงานต้อนรับหน้าแปลกๆ ที่เราเห้นเมื่อวานคือตัวอะไร มันคือ"แย้" เคยได้ยินคำว่าแย้ลงรู นั้นและใช้เลยมันอยุ่ในรู วิ่งขึ้นมาชะเง้อชะแง้ดูไรสักอย่าง แล้วก็วิ่งลงรุหายไปเกิดมาเพิ่งเคยเห็นนี้และ ที่นี้มีเยอะเสียด้วย เรียกว่าอยุ่ด้วยกันครอบครับใหญ่ทีเดียว มีลูกๆ แย้ตัวเล็กตัวน้อยโผ่มาให้เห็น ถ่ายรูปไปสักพัก กะว่าพอสายหน่อยจะไปเตียมตัวกลับหรุงเทพฯ ให้รถของรีสอร์ทไปส่งขึ้นรถเที่ยว 12.30 น.ที่ตลาดเพราะรถเที่ยวนั้นจะวนเข้ามารับคนที่ตลาดบ้านกรูดเลย ไม่ต้องไปดักขอขึ้นรถที่แยกบ้านกรูดแต่ก้ผิดแผนอีกแล้ว
  แผนการท่องเที่ยวสำหรับวันหยุดยาวของชาวบ้าน แต่เป็นวันหยุดสั้นๆ ของเรา มันไม่ง่ายจริงๆหนอเพราะรถเที่ยวกับเข้ากรุงเทพฯเต้มขึ้นทุเที่ยว มีว่างอยู่ 2ที่สุดท้ายคือเที่ยว 5 ทุ่ม โห่! ไม่ไหวมั้งต้องออกไปขึ้นรถ 5 ทุ่มนั่งแยกกันหัวรถท้ายรถ ถึงกรุงเทพ ตอนตี4เอายีงไงดีอันนี้ไม่ทันได้คิดแผนสำรองมาด้วยนะ คิดแล้วคิดอีกหลายตลบ สรุปว่าอยุ่ต่ออีกคืนและรถกลับเที่ยวแรกตอนเช้าดีกว่าโอเคไม่มีปัญหาแล้วผู้จัดการรีสอร์ทอำนวยความสะดวกให้เป็นอย่างดี แนะนำให้เราย้ายไปอยุ่บ้านหลังเล็กลง ที่ถูกกว่า เพราะบ้านว่างแล้ว ลดราคาตัดอาหารเช้าออก(ก็มันกินไม่ทันแน่ๆน่ะ)และให้เจ้าหน้าที่ของรีสอร์ทไปจองตั๋วรถทัวให้เช่้าให้ เราจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดและจัดการติดต่อเรื่องรถของรีสอร์ทที่จะออกไปส่งเราขึ้นรถที่แยกบ้านกรูดตอนเช้าเรียบร้อย แล้วเวลาที่เหลืออีกค่อนวันนี้ล่ะจะทำอะไรดี ผุ้จัดการแนะนำให้เราไปขี่รถเล่นแถวๆนี้ให้เราไปเลือกจักรยานได้เลยใช้ได้ฟรีไม่ต้องเช่า แต่ไม่ให้แนะนำไปดำน้ำรอบบ่ายเพราะคลื่นแรงน้ำจะขุ่นและมองไม่เห็นอะไร
    แน่นอน เราเชื่อคำแนะนำของเจ้าถิ่น ไปคว้าจักรยานได้คนละคัน ขี่กลับไปตั้งหลักที่บ้านก่อนวางแผนใหม่เรียบร้อย สรุปว่าเราจะออกไปกินข้าวตอนกลางวันที่ร้านเดอะ บีช แล้วกลับเข้ามาที่บ้าน  ทำการย้ายบ้าน พอบ่ายหน่อยก้กลับไปปั่นจักรยานเที่ยว แถวนี้ แล้วก้เดินเล่นน้ำหนำใจ ลงทะเล แล้วก็มาลงสระ เสร็จแล้วก็ไปหาข้าวเย็นกินให้อิ่ม แล้วก็มานอนหลับให้สบาย
  คราวนี้ทุกอย่างเป็นไปตามความคลาดหมาย อาหารกลางวันที่เดอะ บีช อร่ิอยถูกปาก บริการก็ใส่ใจลูกค้าดี ลมพัดเย็นๆท้องฟ้าสีสวยกว่าเมื่อวานหน่อย ริมชายหาด หน้ามีธงชาติไทยใหญ่ดบกสะพัดอยุ่ตลอดเวลา สงสัยเหมือนกันว่าไม่ต้องปักธงชาติไว้หน้าร้าน แต่ไม่ได้ถามใครนะรู้แต่งว่ามันเป็นจุดสังเกตที่ดีเดียว เวลาที่มองไปบนหาดยาวๆ ไกลๆ แล้วมีธงชาติผืนนี้ ค่อยบอกตำแหน่งว่าเราอยุ่ใกล้ไกลแค่ไหนจากจุดนั้นช่วงบ่ายๆ เราปั่นจักรยานไปตามถนนเลียบชายหาดบ้านกรุด ก็ผ่านสวนมะพร้าว และรีสอร์ทอื่นๆอีก 2-3 แห่ง ก้ดุน่ารัก น่าพัก และมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ปิ้งร้านไหนอาหารของรีสอร์ทธารวรา รีสอร์ทที่อยุ่ใกล้ๆด้วยกะว่ามื้อเย็นนี้จะเปลี่ยนบรรยากาศมาลองชิมอาหารร้านนี้สักหน่อย
  พอแสงอาทิตย์หายไป เราก็เอารถไปเก็บแล้วออกมาเล่นน้ำทะเล จริงๆ แล้วมันเป็นการเล่นกับคลื่นมากกว่า เล่นกระโดดคลื่น เพราะมีคลื่นยซัดตลอดเวลา ไม่สามารถว่ายน้ำได้เล่น โดดคลื่นเล่นได้อย่างเดียว แต่ก็สนุกดีนะ โดดกันเหนื่อยแล้ว ก็ขึ้นไปแช่น้ำอุ่นๆ ในสระของรีสอร์ทกันต่อ น้ำทั้งสรอุ่นดีจริงๆ เพราะมันตากแดดอยุ่ทั้งวัน แช่น้ำกันฉ่ำใจแล้วก็ขึ้นไปอาบน้ำปะแป้งเตรียมตัวหาข้าวเย็นกินกัน อุตส่าห์เดินเลี้ยวขวาไปทางธารวราแล้วเขียว ดันเจอหมาสกัดดาวรุ่ง ตัวนิดเดียวแต่เห่าไม่เลิก สุดๆเลยทีเดียว ท้ายเราก้เปลี่ยนใจเลี้ยวกลับไปกินที่เดอะ บีช เหมือนเดิมไม่ใช้เพราะกลัวหมานะ แต่รู้สึกว่าพอเวลามืดแล้วร้านนั้นมันจะดุไกลเกินไปหรือป่าวแล้วกว่าจะกินเสร็จแล้วเดินกลับมาอีก อย่าดีกว่า  นี้และกินใกล้ๆนี้และ และเดอะ บีช ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเราเลือกสั่งอะไรที่ยังไม่ได้ลองเมื่อกลางวันแล้วก็สรุปกันว่าอาหารที่นี้อร่อยทุกอย่างเลย และก็ดูแลเอาใจใส่ลูกค้าได้ดี ทั้งที่เป็นร้านเล็กๆดูแบบบ้านๆค่ำนี้มีคนตรีให้ฟังเหมือนเคย เพลงเพราะ บรรยากาศ ลมทะเลเย็นๆ มีแสงสีเขียวจากเรือไดหมึกอยู่ไกลๆเป็นวิวยามค่ำคืน ร้าน The Beach จึงเป้นอีกความประทับใจหนึ่งของการเที่ยวที่นี้...ชายหาดบ้านกรุด

  คืนนี้เราเข้านอนแต่หัวค่ำ และเตือนตั่งแต่ตีห้าวันรุ่งขึ้น เพราะต้องออกจากรีสอร์ท 6 ชัวโมง เพื่อไปขึ้นรถเที่ยวแรกที่จะออกจากบางสะพานหกโมงเช้า และจะมาถึงแยกบ้านกรูดประมาณ 6.20 น.ทุกอย่างผ่านไปด้วยดีเรากลับถึงกรุงเทพตอนเที่ยง ปิดท้ายทริปนี้อย่างผิดคาดไปบ้าง แต่ก็นับว่าโอเค สำหรับทริปกระทันหัน และก็เป็นประสบการณ์ที่ต้องจำไว้เตือนตัวเองเลยว่าในช่วงวันหยุดยาวๆ ทุกอย่างจะไม่ง่ายสบายๆ เหมือนหยุดเสาร์อาทิตย์หรือวันธรรมดา เราต้องเตรียมตัวให้มากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ทั้งเรื่องการเดินทาง และกลับ ที่พักและกิจกรรม ทางที่ดีวางแผนล่วงหน้าแต่เนิ่นๆดีกว่า จะไปเที่ยวไหนไปกันกี่คน จองทุกอย่างให้เรียบร้อยจะได้เที่ยวให้สนุกอย่างสบายใจทริปประทันหันแบบนี้มีได้บางโอกาส แต่อย่าบ่อยนักจะดีกว่า ว่าแล้วก็คิดต่อเลยแล้วกันว่าทริปหน้าจะไปไหนดี จะได้เวลาเตรียมตัวนานๆไง